ไลฟ์สไตล์แบบนี้ หนี้จะถามหาเอานะจ๊ะ

admindebt

3 ไลฟ์สไตล์ที่บอกว่าคุณกำลังติดหล่ม ‘หนี้’ ???

‘การไม่มี หนี้  เป็นลาภอันประเสริฐ’ ?

? ? ? เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินอะไรทำนองนี้กันมาบ้าง แต่ด้วยไลฟ์สไตล์คนยุค ‘Internet of Things’ ที่หนีไม่พ้นการ กิน-เที่ยว-ช็อป เรียกได้ว่า เป็นเทรนด์ที่ถ้าไม่ลองทำตามก็อาจจะกลายเป็นตามคนอื่นไม่ทันเอาได้ง่าย ๆ แม้แต่รัฐบาลยังต้องแจกเงิน ?

ซึ่งทั้ง 3 อย่างไม่ว่าจะทำอะไรล้วนต้องใช้ ‘เงิน’ ทั้งนั้น ?

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราเห็นเพื่อนโพสต์ต์รูปตามสื่อโซเชียล ? ? หลายครั้งเราเองก็อยากทำตามบ้าง จนบางครั้งไลฟ์สไตล์ที่เราอยาก (หรือฝัน) จะเป็นคงทำให้เราติดหล่มหนี้กันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยก็ว่าได้

ในยุคที่อะไร ๆ ก็ต้องรวดเร็วเหมือน 4G ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน-เที่ยว-ช็อป ก็ต้องอาศัยความรวดเร็ว ? เริ่มไม่ต้องการ ‘รอคอย’  และไม่เห็นความจำเป็นของการอดทนรอ แม้กระทั่งในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็มีเพียงคนจำนวนไม่มากเท่านั้นที่ยอมเก็บออมเงินเพื่อซื้อของที่ต้องการ ส่วนใหญ่กลับยอมที่จะ ‘ยืม’ เงินอนาคตมาใช้จ่ายก่อน และพาให้ชีวิตของตัวเองเข้าสู่วงจร ‘หนี้’  ในที่สุด

แต่จริง ๆ แล้วการมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะหากเราสามารถควบคุมหนี้ให้อยู่ในระดับที่สามารถจ่ายไหวและไม่กระทบกระเทือนกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน (และแน่นอนไม่กระทบกับครอบครัวของเรา) ก็คิดเสียว่าการมีหนี้ก็เหมือนกับการให้ยา กระตุ้นที่ทำให้เราต้องทำงานแทน

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าไลฟ์สไตล์ของเราเป็นแบบ ‘Born to be มีหนี้’ รึเปล่า? ?

เราลองมาเช็คไลฟ์สไตล์ง่าย ๆ กันว่าตัวคุณเองมีสัญญาณหนี้ต่อไปนี้รึเปล่า?

1.ใช้ชีวิตแบบเจ้าหญิง ทั้งที่ในชีวิตจริงเป็นนางซิน ?? ?

ข้อนี้เราสามารถเห็นได้จากชีวิตประจำวันจากสื่อโซเชียลของหลาย ๆ คน เคยสังเกตกันบ้างรึเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน ทุกครั้งที่โพสต์รูปลงทีไร ชีวิตของพวกเธอดี๊ดี~~~ แต่พอเจอหน้ากันในชีวิตจริงทีไร ยืมเงินทุกที (บางคนของเก่ายังไม่คืนพอไม่ให้ยืมก็ดราม่าใส่ด้วย)

คนสไตล์นี้มักมีหนี้จากการใช้เงินเกินตัว อาหารทุกมื้อจะต้องเป๊ะ ไปเที่ยวก็ต้องถ่ายรูปเสมอ ถ้าวันไหนไม่โพสต์เรื่องชีวิตดี๊ดีของตัวเองจะรู้สึกแปลก ๆ ทันที คนสไตล์นี้การมีหนี้ก็เหมือนการเจอเพื่อนซะแล้ว

2.ของต้องได้ แม้จะต้องกินมาม่า!!! ?? ➡ ??

เราทุกคนย่อมมีของที่เราอยากได้กันอยู่แล้ว สำหรับสาว ๆ ก็คงจะเป็นเสื้อผ้า, accessories, เครื่องสำอางค์ ส่วนหนุ่ม ๆ นอกจากเสื้อผ้าก็คงจะเป็นเหล่า gadget ทั้งหลาย ซึ่งของพวกนี้เป็นของที่สามารถหาซื้อได้ง่ายพอ ๆ กับการเข้า 7-11 นั่นแหละ แต่สิ่งที่ทำให้ของพวกนี้กลายเป็นภัยสำหรับตัวเราได้นั่นก็เพราะ การที่ไม่อดทนรอคอยเก็บเงินจนตนเอง ‘พร้อม’ ที่จะซื้อ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่เคยมีเงินออมเลยสักที บางรายหนักหน่อยก็มีหนี้เพราะต้องไปยืมเงินเพื่อนมาซื้อก่อน

ไลฟ์สไตล์แบบนี้แก้ไขได้โดยเริ่มต้นจากครอบครัว หากคนเป็นพ่อแม่เริ่มปลูกฝังให้กับเด็ก ๆ ว่า ถ้าอยากซื้ออะไรก็ให้เก็บเงินจนกว่าจะได้เงินครบแล้วค่อยไปซื้อของที่ต้องการ หรือถ้าเป็นของที่มีราคามากหน่อย บางครอบครัวก็อาจจะตกลงว่าพ่อแม่จะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งส่วนตนเองก็จ่ายอีกครึ่งก็สามารถซื้อของได้ และนี่คือขั้นพื้นฐานของการสร้างวินัยทางการเงิน

3.เงินไม่มีเหรอ? ผ่อน 0% ก็ได้ ??

บัตรเครดิตนั้นเกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ไม่ต้องการพกเงินสดเป็นจำนวนมาก ๆ หลักการง่าย ๆ ก็คือยืมก่อนจ่ายทีหลัง แต่เรากลับใช้บัตรเครดิตมาอำนวยความสะดวกในแบบผิด ๆ ในชีวิตจริงเราต้องมีบัตรเครดิตเพียงไม่กี่ใบก็สามารถครอบคลุมทุกรายจ่ายหมดแล้ว แต่การมีบัตรเครดิตเพราะโปรโมชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อน 0% ตลอด 10 เดือน, ลดต้นลดดอก หรือแม้แต่การคืนเงินทุกครั้งที่จ่ายผ่านบัตรเครดิต กลับเป็นหนทางที่ทำให้เราสามารถก่อ ‘หนี้’ ได้ง่าย ๆ

อย่าลืมว่าดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตนั้นคือ 18% ต่อปี เพราะฉะนั้นหากคุณจ่ายผ่านบัตรเครดิตแต่คุณไม่มีเงินชำระทั้งหมด หรือจ่ายเพียงขั้นต่ำเท่านั้น คุณก็ได้ปลูกต้น ‘ดอกเบี้ย’ เรียบร้อยแล้ว และขอบอกเลยว่าเจ้าต้นนี้โตง่าย ไม่ต้องรดน้ำ พรวนดิน ดูแลก็โตเอา ๆ จนกระทั่งคุณหาทางออกไม่เจอนั่นแหละ

แต่อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าการมีหนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย นั่นเพราะหากเราควบคุมหนี้ให้อยู่ในระดับที่เราสามารถจ่ายโดยไม่กระทบกับชีวิตของเรา การอยู่ร่วมกับหนี้ก็เป็นการผจญภัยแบบหนึ่งเท่านั้น แล้วเราควรจะมีหนี้เท่าไหร่ดีล่ะ?

? ✅ คำตอบนี้ง่ายมากเลย ไม่ว่าเราจะมีหนี้สินใด ๆ ก็ตามเราต้องมีหนี้ไม่เกิน 40% จากเงินรายได้ทั้งหมดที่เราได้รับ 

ก่อนจากกัน “well-wisher” ? ขอมอบคาถาปลอดหนี้ให้ทุกคนนำไปใช้ คาถานี้ใช้ง่าย ๆ แค่ก่อนซื้อทุกครั้งให้ท่องว่า  ‘จำเป็นมั้ยหนอ?’  ขณะที่ท่องก็ต้องคิดไปพร้อม ๆ กันด้วยว่าสิ่งที่เราซื้อนั้นมาจากความอยากซื้อหรือเป็นของจำเป็นจริง ๆ หากซื้อเพราะความอยากก็ให้ลด ละ เลิก ไป ?

ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอเราก็จะสามารถลดหนี้ได้แน่ ๆ ค่ะ ?