? ลดค่าใช้จ่าย กับ 5 วิธี เจ๋ง ๆ ?

เพื่อน ๆ มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนน่าจะฝืดเคืองกันมากช่วงนี้ เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หรืออาจจะเป็นสภาวะหนี้สินที่เกิดจากการใช้เงินเกินตัว ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ไม่ยาก เพื่ออนาคตที่เป็นอิสระทางการเงิน..?

ลดค่าใช้จ่าย กับ 5 วิธี เจ๋ง ๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ “well-wisher” คัดสรรมาแนะนำ เพื่อเปลี่ยนนิสัยการใช้เงินของเพื่อน ๆ ให้เป็นคนใหม่ที่ไฉไลยิ่งกว่าเดิม อย่าลืมว่ายิ่งเพื่อน ๆ มีอิสระทางการเงินได้เร็วขึ้นเท่าไหร่ ..ก็ยิ่งเป็นไทแก่ตัวเองเร็วขึ้นเท่านั้นนะคะ

? 1. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ทุกคนล้วนมีหนี้สินและภาระค่าใช้จ่ายที่เหมือน ๆ กัน สังคมไทยมักมีความเชื่อและค่านิยมผิด ๆ ตัดสินคนจากภายนอก เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องไปเดินตามเกมของสังคม แล้วส่งผลให้ชีวิตของตัวเองตกต่ำลงด้วยนะคะ

ลองหันมาพิจารณาปรับ ลดค่าใช้จ่ายแล้วทำตัวสวนกระแส ไม่ยึดติดค่านิยมตามเพื่อนร่วมงาน ใช้เงินตามอัตภาพนะคะ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้สินล้นตัวเพราะแค่เรื่องสร้างภาพ

? 2. งดปาร์ตี้บ้าง

อย่าฉลองบ่อยโดยไม่จำเป็น การฉลองมีหลายวิธีที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายขนาดนั้น เพื่อน ๆ อาจซื้ออาหารมาทำทานเองที่บ้านสักมื้อใหญ่ ๆ ฉลองกับครอบครัว หรือชวนเพื่อน ๆ ไปฉลองที่บ้านใครคนใดคนหนึ่งแทน วิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดได้มากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

คนญี่ปุ่นเองก็ใช้ชีวิตแบบนี้ พวกเขาจะเข้าร้านอาหารเฉพาะในโอกาสพิเศษจริง ๆ เท่านั้น ปาร์ตี้ฉลองวันเงินเดือนออกของพวกเขาคือ ปาร์ตี้หม้อไฟเล็ก ๆ ของครอบครัวที่อบอุ่น และแสนประหยัด แต่อิ่มอร่อยและมีคุณค่าทางจิตใจไปตลอดชีวิต จึงทำให้คนญี่ปุ่นไม่มีปัญหาด้านการเงิน และยังมีเงินเก็บเหลือเฟืออีกด้วย แล้วคุณล่ะอยากจะมีชีวิตสุขสบายพร้อมกับมีเงินเก็บเหลือเฟือเหมือนกับคนญี่ปุ่นหรือเปล่า

? 3. ออมเงินให้เป็นนิสัย

เริ่มจากการหยอดกระปุกเหมือนวัยเด็กก็ได้ค่ะ วันนี้หยอด 10 บาท 20 บาท ไม่นานก็ถึงร้อยถึงพัน ครบแล้วก็นำไปเข้าบัญชีธนาคารเก็บไว้ หรือจะหักดิบตัวเองด้วยการฝากเงินประจำในธนาคารทุกเดือน เดือนละ 500-2,000 ก็ว่ากันไป ตั้งเป้าให้แน่นอน อย่าให้ตัวเองเดือดร้อน แล้วกลั้นใจฝากให้ได้จำนวนนั้นทุกเดือน คิดเสียว่าคุณกำลังชำระหนี้สินอยู่ก็ได้

เพื่อน ๆ บางคนที่ไม่ไว้ใจตัวเอง กลัวว่าจะถอนออกมาใช้ก่อนกำหนด ก็ฝากเข้าบัญชีประจำได้ค่ะ

⛽️ 4. รู้จักลงทุน

เราต้องรู้จักลงทุนจริงจัง เช่นนำเงินไปซื้อคอร์สเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เพื่อยกระดับตนเองในตำแหน่งหน้าที่งาน จนมีอัตราค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น อย่างนี้เรียกว่าการลงทุนรูปแบบหนึ่ง หรือเลี้ยงอาหารลูกค้าสักมื้อ เพื่อให้เขาตอบแทนคุณด้วยการเซ็นต์สัญญาซื้อขาย อย่างนี้ก็เรียกว่าใช้เงินเพื่อการลงทุนอีกเช่นกันค่ะ

? 5. วางแผนอนาคต

ลองตั้งเป้าขึ้นมา ว่าอนาคตในอีกสิบปีข้างหน้าคุณจะทำอะไร และต้องการเงินเก็บเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็ทำให้ได้ตามเป้าหมาย ห้ามย่อท้อหรือหมดกำลังใจจนล้มเลิกกลางครันเด็ดขาด

ยกตัวอย่างเช่น คุณมีเป้าหมายจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวในห้าปีข้างหน้า คุณต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ เป้าหมายนี้จะช่วยให้คุณกำหนดเวลาและวิธีการหาเงินได้ง่ายด้วยค่ะ

Original by “well-wisher”