?เก็บเงินให้มีความความสุข กับ 4 วิธี สนุก ๆ ที่ไม่น่าเบื่อ?

adminsavings

?เก็บเงินให้มีความความสุข กับ 4 วิธี สนุก ๆ ที่ไม่น่าเบื่อ?

?1. เก็บ “เหรียญสิบ” ตามวันที่

วันที่ 1 ให้หยอดเหรียญสิบ 1 เหรียญ วันที่ 2 หยอด 2 เหรียญ …วันที่ 10 หยอด 10 เหรียญ หรือจะเปลี่ยนเป็นหยอด “แบงก์ร้อย” แทนก็ได้ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนวันที่ 30 ก็หยอดไปเลย 30 เหรียญ หรือใส่กระปุกไป 300 บาท

พอสิ้นเดือน คุณก็จะมีเงินเก็บ 4,650 บาท ในเดือนที่มี 30 วัน และ 4,960 บาท สำหรับเดือนที่มี 31 วัน แล้วพอสิ้นปี คุณจะมีเงินเก็บอย่างน้อย 55,800 บาท ?

? 2. เก็บ “แบงก์ 50 บาท” ทุกใบที่ได้รับ

หลายคนพอสิ้นปีถึงกับตกใจ เพราะเก็บได้มากถึง 400-600 ใบ หรือประมาณ 20,000-30,000 บาทเลยทีเดียว

?ทริคส่วนตัวของ “well-wisher” ไม่หวงค่ะ คือ เก็บแบงค์ 50 ที่เป็นรุ่นในหลวง ร.9 ค่ะ ?

? 3. 6 กระปุกหมูสู่ฝัน

วิธีนี้เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือนโดยเฉพาะคนที่อยากเริ่มต้นเป็นนักวางแผนการเงิน เพราะต้องอาศัยการทำการบ้านอย่างหนักในการออกแบบ 6 กระปุกว่าจะประกอบด้วย “เป้าหมายการใช้เงิน” อะไรบ้าง และในสัดส่วนเท่าไรที่จะเหมาะสม … 

กระปุกที่ 1 Living Expenses หรือกระปุกค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยให้หักเก็บไว้ก่อนตั้งแต่เงินเดือนออก หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายประจำเดือนให้ใช้เงินจากในกระปุกนี้เท่านั้น สำหรับสัดส่วนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้และความสามารถในการประหยัดของแต่ละคน ซึ่งค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมอาจจะอยู่ระหว่าง 50-55%

กระปุกที่ 2 Retirement หรือกระปุกเพื่อวัยเกษียณ ถือเป็นเงินออมระยะยาว โดยสัดส่วนที่เหมาะสมก็ขึ้นกับจำนวนเป้าหมายที่ต้องมีหลังเกษียณ และระยะเวลาทำงานที่ยังเหลือ แต่ถ้าไม่อยากคิดมากและไม่ลำบากเกินไป ก็อาจจะหักไว้ 10% ของเงินเดือน
คำแนะนำพิเศษ สำหรับเงินก้อนนี้คือ แทนที่จะนำเงินก้อนนี้ไปใส่กระปุกจริง ๆ อาจเปลี่ยนไปซื้อ RMF, SSF หรือกองทุนรวมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

กระปุกที่ 3 Big Goal หรือกระปุกสานฝันใหญ่ ถือเป็นกระปุกที่ต้องมีการวางแผนระยะยาว เพราะฝันใหญ่มักใช้เงินเยอะ เช่น ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือซื้อรถ เป็นต้น สำหรับสัดส่วนก็ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น กับระยะเวลาในการเก็บเงิน แต่ถ้าคุณยังไม่มีฝันใหญ่เป็นชิ้นเป็นอันก็อาจจะเลือกเก็บไปเรื่อย ๆ ที่สัดส่วน 10-15% …ข้อดีของกระปุกนี้คือ จะทำให้เราทำตามความฝันโดยไม่ต้องเป็นหนี้

กระปุกที่ 4 Have Fun หรือกระปุกเพื่อสันทนาการและปรนเปรอตนเอง เรียกว่าเป็นกระปุก “แก้เซ็ง” ก็ว่าได้ เอาไว้จ่ายเพื่อสนองความอยากหรือให้รางวัลตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ซื้อเสื้อผ้า, ไปกินดื่มกับเพื่อนฝูง ฯลฯ หรือค่าใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวที่อยู่นอกเหนือจาก Living Expenses

กระปุกที่ 5 Life-long Learning หรือกระปุกเพื่อพัฒนาตนเอง เพราะยุคนี้เป็นยุคที่คนทำงานอย่างเราต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีและ AI ให้ได้ จึงต้องมีการ Reskill-Upskill ตลอดเวลา ดังนั้น ค่าใช้จ่ายตรงนี้อาจหมายถึงการซื้อหนังสือ ซื้อคอร์ส หรือไป Workshop ต่าง ๆ โดยสัดส่วนจะเป็นเท่าไร ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน

กระปุกที่ 6 Charity หรือกระปุกออมบุญ เอาไว้สำหรับบริจาคหรือใช้กิจกรรมทำบุญต่าง ๆ นานา หรือบางคนอาจเปลี่ยนชื่อกระปุกนี้เป็น Sharing แล้วเก็บเงินไว้สำหรับเอาไปให้พ่อแม่แทนก็ได้

ต้องย้ำว่า ทั้ง 6 กระปุกที่ยกมาเป็นเพียงไอเดียตัวอย่างในการวางแผนการเงินในแต่ละเดือน ซึ่งบางกระปุกสำหรับบางคนอาจไม่จำเป็น หรือบางคนอาจอยากมีมากกว่า 6 กระปุก ก็สามารถทำได้ โดยไปปรับสัดส่วนของแต่ละกระปุกตามความเหมาะสม …ยกตัวอย่างหนึ่งในกระปุกที่ควรมีเพิ่มเช่น “กระปุกยามฉุกเฉิน” ไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น เข้าโรงพยาบาล หรือมีกระปุกเพิ่ม เช่น “กระปุกเพื่อจ่ายประกัน” เป็นต้น

?4. ลด-ละ-เลิก

เช่น ลด-ชาไข่มุกวันละ 1 แก้ว, ละ-ชาบูอาทิตย์ 1 ครั้ง และ เลิก-ซื้อหวย/ลอตเตอรี่ หรือเลิกบุหรี่ จากนั้นก็ให้นำเงินที่ได้จากการ ลด-ละ-เลิก มาเก็บสะสมไว้ พอครบเดือนลองเอาออกมานับ จำนวนเงินเก็บที่นับได้จะกลายเป็นกำลังใจในการ ลด-ละ-เลิก ซึ่งจะช่วยให้คนที่ตั้ง New Year Resolution ว่า “ปีนี้ ฉันจะผอม” “ปีนี้ ฉันจะสุขภาพดี” เป็นจริงเร็วขึ้นด้วย

สุดท้ายนี้ ต้องบอกว่า  4 วิธีนี้เป็นเพียงไอเดียตัวอย่างของการเก็บเงินให้ไม่น่าเบื่อ โดยกุญแจความสำเร็จของการออมก็คือ “วินัย” และการนำเงินออมที่ได้ไปสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้ และตอบโจทย์ของเงินเก็บก้อนนั้นนะคะ ?

Original by “well-wisher”