บางทีการใช้เงินซื้อเวลาก็คุ้มค่านะ

adminothers

ใช้เงินซื้อเวลาความสุข⏳ ?

เธอรู้มั้ย..สิ่งที่แพงที่สุดในโลกคือ เวลา เพราะตอนที่เธอต้องการเวลาเพิ่มจริง ๆ อย่างตอนใกล้ตาย  มีเงินเท่าไหร่..มันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเธอจะมีเวลาเพิ่มได้นะ!

ข่าวดี คือ  เราสามารถใช้เงินแก้ปัญหาเรื่องเวลาได้!!!  การใช้เงินไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองเสมอไป  ถ้าเธอต้องการเวลาเพิ่ม..ไปทำมาหาเงิน ไปพักผ่อน ไปหาความสุข

“well-wisher” มีวิธีคิดดีดี แบบนี้มาฝาก… คราวนี้จะสรุปเนื้อหาให้เข้าใจง่ายนะคะ

1. ใครทำถูกกว่า ดีกว่า ให้คนนั้นทำ ? ?

ก่อนอื่น..ให้เธอหา “ค่าตัวต่อชั่วโมง” ของเธอเองมาให้ได้  แล้วจำเลขนี้ให้ดี..ไว้ในใจ

ถ้าเธอสามารถจ้างคนอื่นมาทำงานแบบเดียวกับที่เธอทำหรือกำลังจะทำ ในราคาที่ “ต่ำกว่า” ค่าตัวเธอ  จงจ้างค่ะ!!.. แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ได้เงินมากกว่า 

ยกตัวอย่าง เงินเดือน 25,000 บาท ทำงาน 22 วันต่อเดือน วันละ 8 ชั่วโมง 

ดังนั้น ค่าตัวเธอ = (25,000/22)/8 = 142 บาท ต่อชั่วโมง

คิดตามดังนี้..

สมมติเธอหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่เธอมีงานบ้านต้องทำซึ่งใช้เวลา 4 ชั่วโมง

งานบ้านนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ถ้าเธอทำเอง เฉพาะค่าตัวเธอ 142 x 4 = 568 บาท

ถ้าเธอมีงานพิเศษให้ทำ 8 ชั่วโมง แล้วได้เงิน 142 บาทต่อชั่วโมง

ทำทั้งวัน..เธอจะได้ 142 x 8 = 1,136 บาท

แต่ถ้าเธอเลือกไม่ทำงานพิเศษ แล้วมาทำงานบ้าน เธออดรายได้นี้ทั้งก้อน!!

ดังนั้น ถ้าจุดประสงค์ของเธอในช่วงชีวิตนี้ คือ อยากหาเงินเพิ่ม ฉะนั้นเธอลองจ้างคนมาทำงานบ้านในราคาไม่เกิน 500 บาท  แล้วตัวเธอไปทำงานพิเศษเพื่อได้เงิน 1,136 บาท ไม่ดีกว่าหรือ??????

ทางเลือกนี้..มันดีกว่าปฏิเสธงานพิเศษเพราะว่าต้องมาทำงานบ้าน  เพราะเธอจะยังมีเงินเหลือเข้ากระเป๋า 1,136 – 500 = 636 บาท  แถมบ้านยังสะอาด ดีไม่ดี สะอาดกว่าเธอทำเองซะอีก!!

วิธีคิดแบบนี้ เอาไปใช้ทำงานอื่นก็ได้เหมือนกันนะ  ถ้าใครทำได้ดีกว่าเรา ในราคาถูกกว่าเรา จ้างเค้าค่ะ..แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เราถนัดกว่า ได้เงินเยอะกว่า

2. ใครอยากทำงานเหมือนเรา เอาเค้ามาเพิ่ม เสริมทัพกำลังคน ??

เธอรู้มั้ย..  คนจะใหญ่จะโต มีธุรกิจได้ เค้าไม่คิดทำหรือรวยคนเดียว!! คนเรามีแค่สองมือกับ 24 ชั่วโมง ตราบใดที่เธอยังคิดจะทำทุกอย่างเอง

ธุรกิจเธอจะเติบโตยาก  คนจะเติบโต คนจะรวย ต้องค่อย ๆ “หัดคิดการใหญ่”

ยกตัวอย่าง รับทำงานบ้านอีกครั้งก็ได้

ถ้าเธอรับจ๊อบคนเดียว เธอก็รับงานได้ไม่กี่งาน แต่ถ้าเธอ “สร้างเครือข่าย” หาเพื่อนที่อยากรับงานแบบเดียวกัน มันโตได้!! หาคนมาอยู่ในสังกัดไว้ แล้ว….

1. งานเกินกำลังของเธอเองเมื่อไร เธอส่งต่อ แล้วเธอจะขอคิดค่าหางานก็ไม่ผิด มันคือธุรกิจ ไม่ใช่การกุศล!!

หรือ

2. เธอจะกำหนดบทบาทของเธอไปเลยก็ได้ ว่าเธอคือ “ผู้จัดการ” เธอหางาน เธอหาคน พางานมาเจอกับคน แล้วเธอคือคนจัดการ จัดคิว ควบคุมคุณภาพ รับเงินจากลูกค้า แล้วเอามาจ่ายเครือข่าย ก็ได้เช่นกัน

ถ้าใช้หลักคิดนี้.. เธอจะมีเวลาเหลือ ไม่มีวันปฏิเสธงาน เพราะเธอคิดการใหญ่  และกลายเป็นคนที่ไม่ติดว่าทรัพยากรมีจำกัด เธอจะทำอะไร..เธอหาทางได้

ไอเดียใช้เงินแก้ปัญหานี้ ยังเอามาใช้ได้กับการเลือกใช้เวลาพักผ่อนด้วย เช่น เธอทำงานเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์  แต่บังเอิญญาติผู้ใหญ่สั่งให้มาเอาของไปให้ญาติอีกคนหน่อย

เธอก็สามารถ “เลือก” ว่าเธอจะเอาเวลาพักผ่อนไปส่งของ หรือ “จ้าง” คนไปส่งของแทน เท่ากับซื้อเวลามาพักผ่อน.. ถ้าปกติเธอพักผ่อนหย่อนใจด้วยการออกไปกินข้าวดูหนังนอกบ้าน

ซึ่งสมัยนี้ออกจากบ้านทีก็ต้องมีหลักหลายร้อยบาทใช่ป่ะ..

เธอก็สามารถเลือกเอาเงิน 3-400 บาทนั้นจ้างคนไปส่งของแทน แล้วตัวเธอนอนพักผ่อนอยู่บ้าน ใช้เวลากับลูกหรือนอนอ่านหนังสือ  เท่ากับซื้อเวลาพักผ่อน แทนการจ่ายค่าน้ำมันถ้าต้องขับรถไปรับส่งเอง แถมยังต้องไปจ่ายเงินกินดื่มช้อปนอกบ้าน เพื่อพักผ่อนอีกต่อ

เหนืออื่นใด..ที่ประหยัดได้ คือเวลาที่มีค่าของเธอ เอามาใช้เป็นเวลาคุณภาพ พักร่าง ใช้เวลากับคนที่รัก พัฒนาตนเอง ฯลฯ

“well-wisher” อยากฝากไว้ให้เธอ… หัดคิดแบบคนไม่มีข้อจำกัด คิดว่าโลกนี้มีเหลือเฟือ ไม่ใช่ต้องอัตคัด แย่งชิงตลอดเวลา การใช้เงิน..ไม่ใช่การสิ้นเปลืองเสมอไป ถ้ามันเป็นการใช้เงินแบบที่เราคิดมาแล้ว..ว่าคุ้ม  แล้วเอาเวลาที่เหลือ ไปเพิ่มเงิน เพิ่มความสุขดีกว่า ?