6 สเต็ปการปลดหนี้แบบคูล ๆ

admindebt

6 สเต็ปปลดหนี้แบบคูล ๆ ?

จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีสูตรลับที่จะบอกได้นะคะ ว่าเราจะต้องหาเงินให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะสามารถปลอดหนี้ที่เรามีได้ทั้งหมด คนเรามีค่ากิน ค่าใช้มากมายระหว่างวัน ระหว่างเดือน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด

แต่อย่าห่วงไป! เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฎจักรของสิ่งที่เรียกว่า “เงิน” กันก่อนค่ะ
 
เงินมีอยู่ 3 ช่วง ดังนี้ ?

1. เงินในอดีต – หนี้สินที่เราก่อเอาไว้ในอดีต ?

2. เงินในปัจจุบัน – รายได้ที่เราสร้างในปัจจุบัน ?

3. เงินในอนาคต – เงินที่เราจะออมเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ความมั่นคงให้แก่ชีวิตต่อไปในอนาคต ?

ความเข้าใจง่าย ๆ คือ หากเราสร้างหนี้เอาไว้เยอะ เท่ากับว่าเราจะต้องเอาเงินในปัจจุบันไปจ่ายคืนหนี้สินเยอะขึ้น และจะมีเงินที่เราสามารถนำไปเก็บออมเพื่ออนาคตของเราได้น้อยลง

แล้วจะทำอย่างไร เราถึงจะสามารถกำจัดเงินในอดีตของเราให้หายไปได้โดยเร็ว? ไม่ยากค่ะ เรามาดู 6 สเต็ปการปลดหนี้แบบเท่ ๆ กันเลยค่ะ
 
1. สำรวจตัวเอง ??

สิ่งสำคัญ ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ก็คือการวางแผนให้ดีเสียก่อน ดังนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือ การสำรวจตัวเอง ว่าเรามีหนี้สินอะไร กับใคร เท่าไหร่บ้าง แล้วนำมารวบรวมกันเพื่อให้เราเห็นภาพรวมได้ ว่าหนี้สินทั้งหมด รวมต้น รวมดอกเบี้ย จะเป็นเงินเท่าไหร่ แต่เห็นตัวเลขแล้วอย่าเพิ่งท้อนะคะ ไม่เป็นไร ตัวเลขอาจจะดูเยอะจริง แต่เราสามารถจัดการบริหารหนี้ได้ค่ะ

อีกอย่างที่ควรสำรวจ คือ เราเป็นหนี้เพราะอะไรนั่นเองค่ะ หากเราทราบต้นตอ ว่าเราเพิ่งใช้บัตรเครดิตเป็นครั้งแรกแล้วยังคำนวณเงินต้น ดอกเบี้ยผิดวิธีก็สามารถปรับเปลี่ยนเรียนรู้กันไปได้ค่ะ

2. วางแผนการปลดหนี้ ??

จัดลำดับจากเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุด ไปยังเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุด เมื่อได้แล้ว ให้จัดเวลาเข้าไปติดต่อพูดคุยกับเจ้าหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดเพื่อขอต่อรองเรื่องระยะเวลาการชำระเงิน

ส่วนมากแล้ว เรามักจะคิดว่าเราไม่สามารถขอผ่อนผันหนี้จากสถาบันการเงิน หรือธนาคารได้ แต่จริง ๆ แล้วหากเราติดต่อกับทางสถาบันการเงินเพื่อแจ้งรายละเอียดสถานการณ์ของคุณ โดยคุณต้องการชำระหนี้สินทั้งหมด แต่ว่าคุณไม่สามารถชำระเงินตามที่สถาบันกำหนดไว้ได้ และต้องการความช่วยเหลือ สถาบันการเงินยังไงก็ต้องการให้เราใช้หนี้ให้หมดค่ะ ยังไงก็ดีกว่าการมีหนี้เสีย ดังนั้นคุณสามารถขอผ่อนผันต่อรองจำนวนชำระรายเดือน และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปนั่นเองค่ะ
 
3. ลงมือทำตามแผนที่วางไว้ ? ?

หากเราวางแผนเอาไว้แล้วเราไม่ทำตาม สิ่งที่เราตั้งใจวางแผนเอาไว้ก็จะไม่เกิดผลจริงไหมคะ ดังนั้นอย่าให้แผนการอยู่แต่บนแผ่นกระดาษนะคะ เมื่อเราอุตส่าห์วางแผนแล้ว ดึงแผนการออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์เพียงแค่นี้ การปลดหนี้ทางการเงินของเราก็ง่ายขึ้นเยอะแล้วค่ะ แถมยังจะสามารถปลดหนี้ได้รวดเร็วกว่าการไม่วางแผนด้วยค่ะ
 
4. ปลดหนี้ ต้องมีตัวช่วย ??

ในเมื่อเราจะต้องปลดหนี้ การเพิ่มช่องทางรายรับ และลดรายจ่ายลงก็เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเราหาเงินมาปลดหนี้ได้เยอะ ก็สามารถกำจัดหนี้สินได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการหารายได้เสริมโดยการทำงานพิเศษ หรือการทำงานล่วงเวลาเมื่อจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตาม การหารายได้เพิ่มเติมนั้นเป็นตัวช่วยที่สำคัญทีเดียวค่ะ

นอกจากนั้นแล้วเรายังจะต้องรู้จักประหยัดค่าใช้จ่าย วิธีการจำกัด หรือลดค่าใช้จ่ายก็มีวิธีการง่าย ๆ คือ จดรายรับรายจ่ายของเราทั้งหมดนั่นเองค่ะ พอเราเห็นตัวเลขแล้วเราก็จะทราบว่าเราใช้อะไรที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย และมีอะไรบ้างที่เราสามารถลด ละ เลิกได้นั่นเองค่ะ
 
5. ใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย ?

อีกวิธีที่เราสามารถช่วยลดหนี้ของเราได้ก็คือ ใช้บัตรเครดิตกับการซื้อของทั่วไปอย่างมีวินัยนั่นเองค่ะ คือ ยับยั้งชั่งใจก่อนใช้ ควรกำหนดงบต่อเดือนแล้วจ่ายให้ครบตามที่รูดไป อย่าลืมทำบัญชีรายจ่ายบัตรเครดิตด้วยนะคะ แต่คุณจะดูเท่สุด ๆ เวลาจ่ายด้วยเงินสดนะคะ
 
6. สร้างวินัยในการออมเงินเพื่ออนาคตที่ไม่มีหนี้ ✔?

หลายท่านอาจจะคิดว่า คนกำลังปลดหนี้ แล้วจะให้ออมเงินได้อย่างไร จริง ๆ แล้วทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เรามาดูวิธีการรัดเข็มขัด พร้อมแบ่งเงินออมระหว่างปลดหนี้กันค่ะ

วิธีการ คือ จ่ายให้ตัวเองก่อนจ่ายที่อื่น อาจจะกำหนด 10% หรือ 5% เงินเดือนเข้า 15,000 ก็เก็บเงิน 1,500 เข้าบัญชีเงินออมไปก่อนเลยค่ะ ที่เหลือเราก็มาบริหารกันให้ใช้ได้พอดีทุก ๆ เดือน แบบนี้แม้ว่าจะไม่ได้เก็บเดือนละเยอะ ๆ แต่นานเข้าเราก็สามารถมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำได้นะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มที่การสร้างนิสัยการออมที่ดีค่ะ เพื่อที่หนี้จะได้ไม่มาถามหาเราอีกนั่นเองค่ะ

ท้ายที่สุดนี้ สิ่งที่ดีที่สุด คือ การรู้จักบริหารเงินที่เรามี และประมาณตนเองนะคะ หากเรามีบัตรเครดิต แต่เราบริหารเงินเป็น เราก็สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักใช้ประโยชน์จากการมีบัตรเครดิตแทนที่จะเป็นการสร้างหนี้ที่ทำให้เราต้องปวดหัวอีกนั่นเอง ?❤