5 เทคนิคเพิ่มเงินในกระเป๋า แบบชาวญี่ปุ่น

adminfinbook

? 5 เทคนิคเพิ่มเงินในกระเป๋าตังค์ ?

ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังถดถอยทั่วโลก หลาย ๆ คนคงกำลังกลุ้มใจกับค่าใช้จ่ายที่ยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอยู่ใช่ไหมคะ ? วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ จากคนญี่ปุ่นที่เก็บออมเก่ง เป็นการเก็บข้อมูลตัวอย่างจากชาวญี่ปุ่น 1,000 คน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันไป และครั้งนี้เราจะพูดถึง “เทคนิคการใช้กระเป๋าสตางค์” แบบฉบับคนญี่ปุ่นกันค่ะ

เชื่อหรือไม่คะ? ว่าแค่เปลี่ยนวิธีการใช้กระเป๋าสตางค์ ก็จะทำให้เราสามารถลดขยะที่ไม่จำเป็นในกระเป๋าและทำให้ประหยัดได้ด้วย ซึ่งเทคนิคที่จะบอกต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ทำได้จริงที่มีคนทำสำเร็จมาแชร์บอกต่อกันค่ะ

เทคนิคเพิ่มเงิน 1 : สะสางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ทุกวัน ?

คนที่ออมเงินเก่งนั้นมีเคล็ดลับเผยว่า นอกจากการเปิดกระเป๋าในเวลาที่ต้องการใช้เงินแล้ว อีกวิธีที่พวกเขาทำกันคือ เมื่อกลับมาถึงบ้านในทุก ๆ วัน จะทำการเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อจัดการสะสางใบเสร็จและคูปองที่ได้จากร้านค้าต่าง ๆ  ออกจากกระเป๋า หากมีคูปองอันไหนที่หมดอายุแล้ว ก็จะรีบจัดการนำไปทิ้งทันที การตรวจดูกระเป๋าสตางค์ของตัวเองทุกวันนั้น แน่นอนว่าจะทำให้เราทราบยอดคงเหลือของเงินในแต่ละวัน และยังสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้ด้วยการสะสางใบเสร็จรับเงิน ซึ่งก็เหมือนการทำบัญชีครัวเรือนไปในตัวนั่นเอง

เทคนิคเพิ่มเงิน 2 : ต้องใส่เงินไว้ในกระเป๋าสตางค์ทุกครั้ง ?

มีการเปรียบเปรยว่า “กระเป๋าสตางค์ของคนที่ชอบเก็บออมจะไม่มีวันโล่งเด็ดขาด” และ “เงินเป็นสิ่งขี้เหงา เพราะฉะนั้นมันต้องอยู่รวมกับเพื่อนของมัน” เป็นต้น นั่นหมายความว่า เราจะต้องมีเงินจำนวนหนึ่งที่สามารถจัดการได้ ใส่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ไว้เสมอ อาจจะมีบางคนที่เก็บออมไม่เก่ง และมักพูดว่า “ถ้าเอาเงินใส่ไว้ในกระเป๋าก็จะเผลอใช้ทันที” อยู่เหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าให้ใช้เงินที่อยู่ในกระเป๋าทั้งหมดทันที เพียงแต่เราแบ่งจำนวนเงินที่ต้องการใช้เท่านั้นมาใส่กระเป๋า เช่น อาจจะเป็นจำนวนเงินที่ต้องการใช้ใน 1 สัปดาห์ และควบคุมการใช้ให้ไม่เกินจากนั้น หากทำได้ก็จะทำให้ทราบว่าแต่ละสัปดาห์เราใช้ไปเท่าไหร่ และเหลือเท่าไหร่ ซึ่งเป็นสไตล์การควบคุมเงินของคนที่เก็บออมเก่ง

เทคนิคเพิ่มเงิน 3 : สามารถบอกได้ว่า “ตอนนี้มีเงินอยู่เท่าไหร่” ?

คนที่เก็บออมอยู่เสมอนั้น สามารถบอกได้ตลอดว่าตอนนี้เงินของพวกเขามีอยู่เท่าไหร่ และบอกได้แม้กระทั่งเป็นหน่วย 10 เยน (ประมาณ 2.8 บาทไทย) นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าตัวเองใช้เงินไปเท่าไหร่ เหลืออยู่เท่าไหร่ และต่อไปจะใช้เท่าไหร่นั่นเอง สำหรับคนที่ไม่มีการควบคุมตรงนี้ก็จะใช้เงินอย่างไม่มีการคำนวน พอเงินหมดกระเป๋าเมื่อไหร่ ก็จะเอาแต่มองหาตู้เอทีเอ็มเพื่อถอนเงินออกมาใช้ทุกครั้ง หากเรามีการตรวจสอบก่อนว่าเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าเท่าไหร่ก่อนที่จะใช้ เมื่อทำไปเรื่อย ๆ นิสัยเช่นนี้ก็จะติดตัวโดยธรรมชาติ

เทคนิคเพิ่มเงิน 4 : ไม่เอากระเป๋าสตางค์ใส่ทิ้งไว้ในกระเป๋าถือ ?

หลายคนพอกลับถึงบ้านแล้ว ก็คงวางกระเป๋าทิ้งไว้อย่างนั้น โดยไม่เหลียวแลมันอีกเลย ทำไมหลาย ๆ คนถึงได้ชอบเอากระเป๋าสตางค์ทิ้งไว้ในกระเป๋าถือกันนะ ? เทคนิคของคนที่ชอบเก็บออมเปิดเผยว่า ทุก ๆ วันหลังจากที่เสร็จจากภารกิจต่าง ๆ เมื่อกลับถึงบ้านพวกเขาจะจัดการสะสางของที่อยู่ในกระเป๋า แล้วนำกระเป๋าสตางค์ไปวางไว้ “ที่วางกระเป๋าสตางค์” ของมัน การวางกระเป๋าสตางค์ทิ้งไว้ ก็เท่ากับเป็นการวางเงินทิ้งไว้ ดังนั้นการให้ความสำคัญกับกระเป๋าสตางค์ ก็เท่ากับว่าคุณให้ความสำคัญกับเงินด้วย

เทคนิคเพิ่มเงิน 5 : การวางทิศทางของธนบัตรให้เรียงเป็นไปในทางเดียวกัน ?

เคล็ดลับนี้ไม่ได้หมายความแค่เพียงคุณเป็นคน “เก็บเงินเก่ง” เท่านั้น แต่ว่านี่คือสิ่งที่ “คนมีเงิน” ที่ประสบความสำเร็จในสังคมปฏิบัติเช่นเดียวกันมากหัวข้อหนึ่ง บางคนอาจจะพูดว่าใส่ธนบัตรลงไปยังไงก็ได้ “ขอแค่ใส่ตามสะดวกก็พอ” ซึ่งนั่นมันอาจจะง่าย แต่คนที่เก็บออมเก่ง พวกเขาจะใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้กระทั่งทิศทางการใส่ธนบัตรให้จัดเรียงไปในทางเดียวกัน เมื่อเปิดดูกระเป๋าสตางค์ก็แทบจะไม่เห็นเลยว่าพวกเขาใส่ธนบัตรที่มีรอยย่นหรือใส่ธนบัตรในลักษณะที่สะเปะสะปะ นั่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่พวกเขาใช้จัดการดูแลเงินในกระเป๋าและทำให้สามารถควบคุมจำนวนการใช้เงินได้ง่ายอีกด้วย

เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับเทคนิคการเพิ่มเงินในกระเป๋าของชาวอาทิตย์อุทัย คงไม่มีใครคิดว่า แค่วิธีการง่าย ๆ ในการจัดการกระเป๋าสตางค์ของตัวเองจะสามารถช่วยให้คุณมีเงินเพิ่มในกระเป๋าได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงถึงทัศนคติในการใช้เงินของคุณ เพียงคุณมีการจัดการที่ดี มันจะช่วยให้คุณกำจัดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้ และเงินในกระเป๋าของคุณก็เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัตินั่นเอง ว่าแล้วผู้เขียนขอตัวไปสะสางของไม่จำเป็นออกจากกระเป๋าก่อนนะคะ เผื่อเงินจะได้เพิ่มกับเค้าบ้าง…. ?

ขอขอบคุณ

..(ข้อมูลตัวอย่างจากชาวญี่ปุ่น 1,000 คน)
ข้อมูล :อ้างอิงข้อมูลจาก : o-uccino.jp ,ผู้เขียน : KOKATETA