🗼ประภาคารความมั่งคั่ง 9 ระดับ🗼
เราทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของประภาคารแห่งความมั่งคั่ง (Wealth Lighthouse) ไม่ว่าจะมีหนี้สินท่วมหัว ฐานะกลาง ๆ หรือกำลังจะเป็นเศรษฐีก็ตาม ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าเราจะหารายได้ต่อเดือนได้สูงมากแค่ไหน คนที่ได้รายได้เป็นล้านต่อเดือนอาจจะอยู่ที่ขั้นต่ำสุดก็ได้ และคนที่เคยอยู่ระดับสูง ๆ ก็อาจลงมาสู่ระดับที่ต่ำลงได้
ประภาคารแห่งความมั่งคั่งมี 9 ระดับ โดยการก้าวข้ามแต่ละระดับต้องใช้วิธีการและกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน การที่บางคนติดอยู่ที่ระดับใดนาน ๆ อาจเป็นเพราะยังใช้วิธีเดิม ๆ หรือข้ามไปใช้วิธีที่สูงกว่าความพร้อมของตัวเอง
📌1. ระดับใต้สีแดง : เหยื่อ (Victim)
ระดับนี้สรุปสั้น ๆ คือคนที่มีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายต่อเดือน ทำให้กระแสเงินสดติดลบทุกเดือน แม้จะมีรายได้หลักล้าน แต่ถ้ามีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ก็ถือว่าอยู่ในระดับนี้
ผู้ที่อยู่ระดับใต้สีแดงมักเกิดความเครียด ความกังวล รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงชอบชี้นิ้วกล่าวโทษคนอื่น ทั้งที่ความจริงแล้วการอยู่ในระดับนี้เป็นเพราะความไม่ใส่ใจ ไม่มีวินัย ทั้งเรื่องการเงิน การงาน และการใช้ชีวิต ไม่รู้บทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนของตัวเอง
วิธีการก้าวข้ามจากระดับใต้สีแดง ต้องเริ่มจากตรวจสอบสถานะทางการเงิน ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อหารูรั่วของปัญหา มีวินัยในการทำหน้าที่ของตัวเอง และรักษาสัญญากับตัวเอง ในการลงมือทำสิ่งที่ดีต่อชีวิต
📌2. ระดับสีแดง : ผู้เอาตัวรอด (Survivor)
ระดับนี้คือมีรายได้เท่ากับรายจ่าย หรือมีเงินพอใช้ แต่ไม่เหลือเก็บ แม้จะไม่เครียดเท่าระดับแรก แต่ก็ยังต้องอยู่ในความวิตกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นในชีวิต
ผู้ที่อยู่ในระดับสีแดง เกิดจากการไม่มีน้ำอดน้ำทน หลงไปกับสิ่งล่อลวง ของมันต้องมี ทำให้ต้องใช้ชีวิตวนเวียนในสภาพเดิม ๆ ไม่สามารถเลือกงานได้ เพราะต้องทำงานอะไรก็ได้เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะหนี้ที่ก่อเอาไว้
วิธีก้าวข้ามจากระดับสีแดง คือพยายามค้นให้พบแรงจูงใจของตัวเอง ว่าต้องการเป้าหมายแบบไหน จากนั้นยกระดับมาตรฐานของชีวิต โดยเฉพาะในด้านการใช้เวลา จงลงทุนเวลาของตัวเองไปกับสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
📌3. ระดับสีส้ม : มนุษย์งาน (Worker)
หากมาถึงระดับนี้ คุณจะมีรายได้ดีขึ้นเพราะเริ่มมีความสามารถที่เชื่อถือได้ ทำงานออกมามีคุณภาพ มีความรับผิดชอบสูง เริ่มได้รับโอกาสในการทำงานที่ใหญ่ขึ้น ต้องการความชำนาญมากขึ้น จนทำให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย และมีเงินเก็บสำหรับอนาคต
ผู้ที่อยู่ระดับสีส้มจะได้รับอิสระในการเลือกงานได้บ้างแล้ว เพราะเป็นคนที่มีมาตรฐานการทำงานที่ดี ไม่ว่าหัวหน้าหรือลูกค้าจะสั่งงานอะไรมา ก็สามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้ตามที่ต้องการ มีทางเลือกว่าจะนำเงินเก็บไปฝากประจำเพื่อสร้างผลตอบแทนให้งอกเงย หรือจะเก็บเงินไปผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรืออาจนำเงินไปจ่ายเพื่อเข้าคอร์สพัฒนาตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานก็ได้
ในระดับนี้ถึงแม้จะมีกระแสเงินเป็นบวกแล้ว แต่ยังเป็นเงินที่ต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ อาจก่อให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่สามารถควบคุมชีวิตได้ หากเป็นพนักงานประจำมาถึงระดับนี้จะเริ่มรู้สึกอยากลาออกจากงาน แต่ก็ยังกลัวกับความไม่แน่นอน
วิธีก้าวข้ามจากระดับสีส้ม จึงต้องสร้างเอกลักษณ์ของตนเอง สร้างความเชี่ยวชาญในอาชีพที่ทำอยู่ เพื่อให้มีทางเลือกมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป
📌4. ระดับสีเหลือง: นักดนตรี (Player)
มาถึงระดับนี้ จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของวินัยและความอดทน คุณจะมีทักษะบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร สามารถส่งมอบคุณค่า (Value) ที่แตกต่างได้ ใคร ๆ ก็อยากได้ตัวไปทำงานด้วย คุณจะเริ่มมีโอกาสได้เลือก partner, ลูกน้อง, ลูกค้าที่ชอบ หรือเลือกงานที่คุ้มค่าแรงได้เอง ไม่จำเป็นต้องรับทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าอีกต่อไป
แต่การเติบโตก็ยังมีขีดจำกัด เพราะทุกอย่างยังต้องพึ่งพาตัวเรา หากเราไม่อยู่ หรือไม่ได้ทำงาน กระแสเงินก็จะหยุดชะงักไปด้วย
วิธีก้าวข้ามจากระดับสีเหลือง จึงเป็นการสร้างทีมงาน เพิ่มทักษะบริหารจัดการคน เพื่อสร้างกระแสเงินสดจากหลาย ๆ ทาง
📌5. ระดับสีเขียว: นักดนตรีนำ ( Performer)
ที่ระดับนี้คุณจะมีกระแสเงินสดผ่านการทำงานของทีมในหลากหลายธุรกิจ ทำให้มีเวลาว่างในการทำเรื่องสำคัญ เช่นการค้นหา partner หรือนักลงทุนใหม่ ๆ หรือค้นหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
หลายคนเมื่อขึ้นมาถึงระดับนี้ก็อาจจะพอใจแล้ว แต่หากอยากไปต่อจากนักดนตรีนำเป็นวาทยากร ก็แค่ต่อยอดความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารทีม เป็นการดึงดูดนักดนตรีนำในระดับสีเขียวทั้งหลายมาอยู่รวมกัน โดยพวกเขาเหล่านั้นก็มีทีมงานและแหล่งรายได้ของตัวเองอยู่แล้วเช่นกัน
📌6. ระดับสีน้ำเงิน: วาทยากร (Conductor)
ถ้ามาถึงระดับสีน้ำเงิน คุณเป็นเศรษฐีร้อยล้านแล้ว และมีบริษัทในเครือจำนวนหนึ่งที่จะคอยให้ผลตอบแทนจากหลาย ๆ แหล่งตามสูตรที่หนังสือสอนรวยสอนกันมา
การก้าวมาถึงระดับนี้ได้ต้องผ่านประสบการณ์มากมาย คุณจะมีอำนาจในการลงทุนมากกว่าที่เคยมี และหลาย ๆ คนก็เลือกที่จะหยุดอยู่แค่ระดับสีน้ำเงิน เพราะแค่นี้ก็อยู่สบายไปทั้งชีวิตแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังต้องการจะก้าวไปยังขั้นถัดไปอยู่
📌7. ระดับสีคราม: ผู้พิทักษ์ (Trustee)
ผู้คนในระดับนี้มักจะคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตัวเอง มักจะเริ่มมองว่าตัวเองสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับประเทศหรือระดับโลกอย่างไรได้บ้าง ปัจจัยเรื่องเงินจะสำคัญน้อยกว่าความน่าเชื่อถือ พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ในระดับที่ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรดี
เมื่อปัจจัยเรื่องเงินและความอยู่รอดของตัวเองหมดไป คุณจะเริ่มคิดถึงสาธาณะประโยชน์ และหาทางช่วยเหลือสังคมบ้างเท่าที่เป็นไปได้ จนผู้คนต่างจดจำในฐานะตัวแทนของสังคม
📌8. ระดับสีม่วง: ผู้ประพันธ์ (Composer)
ถึงระดับนี้คุณจะมีความสงบ ชัดเจน อดทน ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งอื่นง่าย ๆ จากความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ บริหารความเสี่ยง และการไม่ยึดติด
การก้าวไปสู่ระดับเหนือสีม่วง หรือระดับตำนานนั้น คุณไม่สามารถแต่งตั้งตัวเองได้ แต่จะต้องเกิดจากการสละตัวตน หรือแม้กระทั่งชีวิตของตนเองเพื่อสังคม คุณจะเห็นสังคม เห็นประเทศชาติ มีความสำคัญเหนือกว่าตัวเองมาก ๆ โดยหลายคนก็ได้กลายเป็นระดับตำนานเล่าขานภายหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว
📌9. ระดับเหนือสีม่วง: ผู้สร้างตำนาน (Legend)
ระดับนี้คือระดับสูงสุดของประภาคารแห่งความมั่งคั่ง บุคคลตัวอย่างที่อยู่ในระดับนี้ เช่น
โทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้สร้างตำนานด้านนวัตกรรมสร้างหลอดไฟให้เราใช้กันจนทุกวันนี้
เซอร์ไอแซค นิวตัน ผู้คิดค้นทฤษฎีแรงโน้มถ่วงทำให้ หรือ เนลสัน แมนเดลา ผู้ผลักดันแนวคิดเรื่องเหยียดสีผิวให้หมดไป ลดความขัดแย้งในสังคมโลก
ตัวแอดมินเองเพิ่งก้าวข้ามระดับสีแดงมาอยู่สีส้มคือเริ่มมีเหลือเก็บเมื่อไม่นานมานี้เอง เพื่อน ๆ ล่ะตอนนี้อยู่ไหนกันบ้างแล้ว คอมเมนต์มาแชร์กันได้น๊า … ค่อย ๆ ขยับไปพร้อมกันค่า
ที่มา : หนังสือ แผน 9 ขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี