🎗️ เก็บเงิน สานฝัน เพิ่มสุข 🎗️

Tavatchai Engsavings

🎗️ เก็บเงิน สานฝัน เพิ่มสุข 🎗️

ใคร ๆ ก็ฝันอยากจะมีชีวิตที่ดีด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะในอนาคตเมื่อยามอายุล่วงเลย ก็อยากใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบสบาย ๆ มีเงินให้จับจ่ายใช้สอยแบบไม่เดือดร้อน แล้วเดี๋ยวนี้เทรนด์ของหนุ่มสาววัยทำงานรุ่นใหม่ก็มีแนวโน้มที่จะขอเกษียณตัวเองเร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เลือกเองได้ หลายคนบอกว่าอยากเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ยังมีแรงอยู่ อยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้ทำในช่วงที่ต้องทำงาน ได้มีเวลาดูแลสุขภาพและใส่ใจเรื่องอาหารการกินอย่างจริงจัง ที่สำคัญอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น

แต่ชีวิตจะเป็นไปตามความฝันได้ ก็ต้องเริ่มต้นเก็บออมตั้งแต่วันนี้ จะมาใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ฟุ่มเฟือยไปวัน ๆ คงไม่ดีแน่ เพราะชีวิตไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ “ทุกชีวิตจึงต้องการการวางแผน” แต่จะวางแผนเก็บออมอย่างไรไม่ให้ฝันสลาย “well-wisher” มีวิธีมาแนะนำค่ะ

🎯 1. ต้องมีเป้าหมายทางการเงิน

ต้องรู้ว่าเราจะเก็บออมเงินไปเพื่ออะไร เช่น เงินออมเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็น เงินออมสำหรับค่าใช้จ่ายของครอบครัว เงินออมสำรองสำหรับค่ารักษาพยาบาล เงินออมสำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น ตกงาน หรือรถเสีย เงินออมไว้ใช้ตอนเกษียณ เงินออมสำหรับประกันชีวิต เงินออมสำหรับการลงทุนเพื่อให้เงินก้อนนั้นมีดอกผลงอกเงย ฯลฯ

📌 2. มีความชัดเจน

มีแผนไม่พอ…ต้องมีแผนที่ชัดเจน นั่นหมายถึง ในทุกวันควรมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย อย่างละเอียด ทำให้เรารู้เท่าทันสถานการณ์การเงินในแต่ละเดือนว่า รายรับกับรายจ่ายเหมาะสมหรือเปล่า มีเงินเหลือหรือใช้เกินงบที่ตั้งไว้ ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า เราใช้เงินไปกับค่าอะไรบ้าง ซึ่งการทำบัญชีการเงิน จะทำให้เราเห็นช่องทางในการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ ก็จะมีเงินสำหรับออมได้มากขึ้น

💺 3. พอเพียง

อยู่ให้ได้บน “ความพอเพียง” ต้องมีสติในการใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ กว่าจะหาเงินมาได้เหนื่อยยากกันทุกคน เพราะฉะนั้นเวลาใช้ก็ต้องวางแผนให้ดี โดยเฉพาะใคร ๆ ที่เสพติดการช้อป อาจต้องมีคาถาสะกดใจเวลาเดินห้างว่า ‘ถึงเซลล์สุด ๆ หรือลดกระหน่ำแค่ไหน ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ซื้อ’ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องออกนอกบ้าน ก็ช้อปได้แค่ปลายนิ้วคลิก ยิ่งต้องมีสติกันให้มาก ๆ หากเป็นคนเสพติดการช้อป ลองใช้วิธีแบ่งเงินสำหรับช้อปปิ้งให้น้อยลง จำกัดการซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือใช้วิธีซื้อของไปเท่าไหร่ ให้เก็บเงินออมเพิ่มขึ้นอีกเท่านั้น หากใช้จ่ายเกินงบ อาจส่งผลถึงการเป็นหนี้บัตรเครดิต ซึ่งเป็นปัญหายุ่งยากที่จะตามมา (ซึ่งเราจะมาพูดถึงกันในอนาตต) และจะทำให้การออมเงินสะดุดหรือติดขัดได้

🥏 4. ออมอย่างรวดเร็ว

รับปุ๊ป…ออมปั๊บ อย่ารีรอหรือหาข้ออ้างว่า เดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะ ขอเลื่อนไปเริ่มต้นออมเดือนหน้าแล้วกัน ถ้าหาข้ออ้างแบบนี้ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นออมได้เมื่อไหร่ เอาเป็นว่ามีน้อยก็ออมน้อย มีมากก็ออมมาก แต่ยังไงก็ต้องแบ่งเงินไว้สำหรับการออม สูตรง่าย ๆ ของการออมเงินที่ใช้อยู่ก็คือ รายรับ-เงินออม = รายจ่าย สูตรนี้กำหนดให้คุณต้องออมเงินเป็นอันดับแรก เหลือเงินเท่าไหร่ค่อยนำไปใช้ สำหรับคนที่มีรายได้ประจำอาจหักเงินออมเท่ากับ 10-30 % ของรายได้ ส่วนคนที่ประกับอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์นั้น แนะนำให้เก็บออมมากกว่านี้ เพราะจะไม่มีสวัสดิการใด ๆ มารองรับ อาจจะเก็บเป็นเงินออมครึ่งหนึ่งของรายรับก็จะปลอดภัยกว่า

🌱 5. จัดสรรเงินออมให้งอกเงย

นอกจากการนำเงินไปฝากแบงค์แล้วรับดอกเบี้ยต่อปีแล้ว (ซึ่งดอกเบี้ยปัจจุบันให้ผลตอบแทนน้อยเหลือเกิน) ยังมีวิธีที่จะให้เงินออมของเรางอกเงยขึ้นได้อีก เช่น ซื้อประกัน ซื้อกองทุน ซื้อหุ้น ซื้อทอง ซื้อที่ดิน ฯลฯ ซึ่งก่อนจะนำเงินออมไปลงทุน ก็ต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เมื่อประเมินแล้วเราจะได้มั่นใจว่า ตัวเองสามารถรับความเสี่ยงนั้นได้มากน้อยแค่ไหน

🖼️ 6. วางแผนออมเงินในระยะยาว

ใช่ว่าการเกษียณจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต จริง ๆ แล้วเป็นช่วงเวลาที่คุณจะใช้ชีวิตได้อย่างตามใจฝันมากกว่า แต่ก็ต้องวางแผนเอาไว้ให้ดีด้วย โดยจัดสรรเงินออมไว้สำหรับเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ ปัจจุบันมีประกันชีวิตสำหรับการใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างครอบคลุมรอบด้าน ทั้งให้ความมั่นคงทางการเงิน พร้อมกับความคุ้มครองด้านสุขภาพ เมื่อมั่นใจกับชีวิตในวัยสูงอายุ คุณก็จะใช้ชีวิตได้อย่างไม่เครียด จะได้ไม่ต้องเป็นภาระกับครอบครัว และลูกหลาน มีความสุขกับชีวิตที่มีคุณภาพ เพราะคุณได้วางแผนกับเงินออมส่วนนี้มาแล้วเป็นอย่างดี

รู้กันอย่างนี้แล้ว เห็นทีต้องเริ่มวางแผนจัดการเรื่องเงินไว้สำหรับการออม แต่วินาทีนี้กันเลยดีกว่านะคะ…😆

Original by “well-wisher”