เหนื่อยล้า เบื่อกับงานที่ทำ ลองมาสร้างแรงจูงใจกันดีกว่า

Tavatchai Engothers

6 เคล็ดลับสร้างแรงจูงใจในการทำงาน 💟💞

ทำงานกันมานานหลายปี มันก็มีเหนื่อย มีล้า มีท้อแท้กันบ้าง จะทำอย่างไรดีเพื่อไม่ให้ตัวเองท้อถอยกับสิ่งที่ต้องเผชิญ หลายคนอาจจะบอกว่า ก็เงินไง ที่เป็นแรงจูงใจในการทำงานตามคำพังเพยที่ว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” 😇 ถ้าคิดได้แค่นี้แปลว่ายังไม่เคยเจองานที่ทำให้คุณ sick แบบพีคจริง ๆ คนเรามีความสุขแค่วันสิ้นเดือนไม่ได้หรอกนะคะ มันต้องมีความสุขกับทุกวันที่ตื่นเช้าขึ้นมาทำงานด้วย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน “well-wisher” ขอแนะนำเคล็ดลับที่ทำตามได้ไม่ยาก 6 ข้อดังต่อไปนี้ค่ะ

1. มองข้อดีของงานที่เราทำ 🔭

          ถ้าเราเลือกที่จะสมัครงานนี้มาแต่แรก แสดงว่ามันต้องมีอะไรดีอยู่บ้างเหมือนกัน ไม่งั้นเราคงไม่ตัดสินใจหย่อนใบสมัครเข้ามาหรอกจริงมั้ย พยายามนึกถึงอะดรีนาลีนที่สูบฉีดในวันแรกที่คุณมาทำงาน พยายามหาให้เจอว่าอะไรที่เป็นจุดดึงดูดความสนใจที่ทำให้คุณมาทำงานที่นี่ และยังคงทำอยู่ เชื่อว่าทุกงานต่างก็มีข้อดี คิดถึงสิ่งนั้นทุกวันในการทำงาน ระลึกไว้ในใจเสมอเลยว่า คิดแต่แง่บวก มองแต่ข้อดี แล้วชีวิตจะดีเอง

2. สร้างมิตรภาพดี ๆ ในที่ทำงาน 👬

          นอกเหนือจากเรื่องงานที่เราต้องโฟกัสหาข้อดีแล้ว สังคมในที่ทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญ 90% ของคนที่ลาออกจากงาน มักไม่ได้มาจากงาน แต่มาจากสังคมในที่ทำงานซะมากกว่า วัน ๆ อย่าเอาแต่หมกมุ่นกับกองงานตรงหน้าแค่อย่างเดียว ลองชวนคนอื่นคุยบ้าง สร้างมิตรภาพดี ๆ ก็เหมือนสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ให้ตัวเองอยู่ ถ้าเรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไหน เราจะมีแรงจูงใจในการอุทิศตัวเพื่อให้เกิดผลที่ดีไปด้วย มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรูอยู่แล้ว

3. แต่งตัวให้สดใส และดูดีไปทำงาน 👚👔

          เรื่องแต่งตัวใครจะหาว่าไร้สาระก็ช่าง แต่ความจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ การแต่งตัวเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ทั้งก่อให้เกิดผลทั้งแก่ตัวเอง และผู้พบเห็น กล่าวคือ ถ้าเราแต่งตัวดี ส่องมองกระจก เราจะเกิดพลังงานด้านบวกกับตัวเอง พอออกมาที่ออฟฟิศ คนเห็นเราแต่งตัวดี ก็รู้สึกสดชื่นไปด้วย การที่เรารู้สึกบวกกับตัวเอง จะทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง และเป็นแรงจูงใจในการไปทำงานได้ดีอีกด้วย

4. ใช้วันลาพักร้อนให้เต็มแม็กซ์ทุกปี ⛵🛤

          วันลาพักร้อน ใช้ ๆ ไปอย่าเสียดาย มีองค์กรหลายที่ สนับสนุนให้พนักงานลาพักร้อน การได้ลาพักร้อนก็เปรียบเสมือนการได้ไปชาร์จแบตให้ตัวเอง ลองใช้เวลาไปกับการท่องเที่ยวไปในที่แปลกใหม่ ค้นหา inspiration ตามเส้นทางที่ได้พบเห็น หรือจะไปหาที่เรียนเป็นคอร์สสั้น ๆ 3 วัน 7 วันก็ดูเข้าที เอาตัวเองออกจากงานดูบ้างสักช่วงของปี กลับมาอีกทีจะรู้สึกเฟรชสุด ๆ ไปเล้ย

5. เติมอาหารให้สมอง และออกกำลังกาย 🏊🍦

          ในการทำงานสมองและร่างกาย เป็น 2 สิ่งที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง และมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างสูง ดังนั้นจึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องเติมอาหาร เพิ่มความรู้ให้สมองตลอดเวลา เพื่อลับคมมีดให้คมอยู่เสมอ พูดแบบนี้แล้วอย่าตีความผิดคิดว่าไล่ให้ไปเรียนหนังสือซะอย่างเดียว การเรียนก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายวิธีที่ทำได้ เช่น ไปนั่งสมาธิ หรือ ฝึกงานฝีมือก็ช่วยได้เช่นกัน นอกเหนือจากนั้น ก็เอาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ และถ้าเสียไปแล้ว มีเงินเยอะแค่ไหนก็ซื้อกลับคืนมาไม่ได้ ร่างกายแข็งแรงและสมองที่แจ่มใส จะเป็นแรงจูงใจดี ๆ ให้ชีวิตคุณ

6. ใช้ชีวิตดี ๆ หลังเลิกงาน และวันหยุด 🎊

          ท้ายที่สุดคือจะบอกว่า นอกเวลางานอย่าคิดเรื่องงาน เราควรแบ่งเวลาให้เป็น หลังเลิกงาน และวันหยุดควรปล่อยใจไปทำในสิ่งที่ชอบ อยากทำอะไรทำเลย ออกกำลัง ดูหนัง ฟังเพลง เต้นระบำฟลามิงโก้ หรือช้อปปิ้งก็ได้ทั้งนั้น เอาที่ทำให้เราได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปจากตัวและหัวสมอง เติมเต็มชีวิตให้เต็มที่ทุกวัน เพราะอย่าลืมว่า เราก็ใช้พลังงานไปเยอะเช่นกันในแต่ละวันที่ไปทำงาน รู้จักให้รางวัลตัวเองบ้าง แล้วแรงจูงใจในการทำงานจะมาเอง

          ใครที่กำลังเครียดกับงานของตัวเอง ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อแท้ เบื่องาน หรือคิดงานไม่ออก “well-wisher”เชื่อว่า คนทำงานทุกคนจะสามารถผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายเหล่านั้นไปได้โดยเร็ว ถ้ามาสร้างแรงจูงใจไปพร้อม ๆ กัน ด้วยการนำคำแนะนำข้างต้นไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง แล้วคุณก็จะมีชีวิตการทำงานที่สดใส ทำงานได้อย่าง Work Smart ได้แน่นอนค่ะ 🤘