? 7 ข้อพึงพินิจ ก่อนคิด ซื้อกรมธรรม์  ?

วันนี้ “well-wisher” มีวิธีพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันประเภทต่าง ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

1.ถามตัวเองว่าจำเป็นต้องซื้อประกันชีวิตมั้ย ?

เราไม่จำเป็นต้องซื้อประกันทุกแบบ เพราะประกันแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับจุดประสงค์ที่ต่างกันไป คนที่ไม่ลำบากเรื่องเงิน ยังไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ ประกันก็อาจจะยังไม่จำเป็น เพราะลำพังแค่เงินที่ตัวเองมีอยู่ก็พอใช้แล้วหากตัวเองต้องมีอันเป็นไป ส่วนคนที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวที่ไม่มีรายได้ หรือฐานะไม่ได้ร่ำรวย ประกันก็อาจจะสำคัญ เพราะหากเสียชีวิตลง เงินคุ้มครองจากประกันก็จะช่วยให้ครอบครัวเขาดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้

2.บริษัทประกันที่สนใจมีความน่าเชื่อถือหรือไม่??️

เพราะเราต้องส่งเบี้ยประกันให้บริษัททุก ๆ ปีเลยนะ ควรหาบริษัทที่มีประวัติดีและมั่นคง สามารถไว้วางใจได้ เพื่อความสบายใจของเราเอง

3.ตัวแทนประกันไว้ใจได้หรือเปล่า??

ก่อนจะซื้อประกันกับใคร เราสามารถเช็กได้นะว่าตัวแทนประกันมีใบอนุญาตมั้ย ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ยังไม่หมดอายุใช่มั้ย เป็นใครมาจากไหน มีความชัดเจนในการอธิบายมั้ย เราสงสัยอะไรเขาก็ควรไขข้อสงสัยให้เราได้แบบไม่คลุมเครือ 

4.วงเงินคุ้มครองตรงตามความต้องการใช่มั้ย??

หากรู้แล้วว่าต้องทำประกันแน่ ๆ ก็ลองคิดคำนวณดูว่าถ้าเราเป็นอะไรไป คนที่อยู่ข้างหลังเราต้องมีเงินเท่าไรถึงจะเพียงพอต่อการใช้ชีวิต

5.เบี้ยประกันแพงมากหรือเปล่า??

การจะได้วงเงินคุ้มครอง เราต้องจ่ายเบี้ยประกันทุก ๆ ปีตามที่สัญญากำหนด อาจจะ 10 ปี 15 ปี แล้วแต่รูปแบบ ถ้าเรารู้ว่าฐานะการเงินของเราไม่เอื้ออำนวยก็ควรพิจารณาตัวเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ลำบากตัวเองมากจนเกินไป

6.ประกันแบบอื่น ๆ ตรงใจกว่ามั้ย??

ทบทวนประกันชีวิต 5 แบบกันก่อน: ตลอดชีพ, ชั่วระยะเวลา, สะสมทรัพย์, บำนาญ และควบการลงทุน ซึ่งแต่ละแบบมีประโยชน์และเงื่อนไขต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการแบบไหน เช่น สมมติเรารู้ตัวว่าเราจะทำงานมีรายได้อีกแค่ 10 ปี เราก็ควรเลือกประกันที่จ่ายเบี้ยไม่เกิน 10 ปี เพราะถ้าเกินกว่านั้นอาจจะรบกวนสถานะทางการเงินของเราได้

7.อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขสำคัญ ๆ ของกรมธรรม์ให้ละเอียดถี่ถ้วน?

ก่อนตกลงใจซื้อกรมธรรม์ อย่าลืมว่าส่วนใหญ่มีข้อยกเว้นความคุ้มครองซึ่งไม่แตกต่างกันมาก เช่น ผู้รับผลประโยชน์ฆ่าผู้เอาประกัน (เจ้าของกรมธรรม์) หรือผู้เอาประกันฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย ซึ่งหากเกิดเหตุแบบนี้ บริษัทประกันก็จะไม่จ่ายสินไหมให้ แต่จะคืนเบี้ยที่ชำระมาทั้งหมดกลับไปเท่านั้น ยิ่งถ้าซื้อประกันสุขภาพพ่วงกับประกันชีวิต ก็จะมีข้อยกเว้นความคุ้มครองที่เกี่ยวกับระยะเวลาที่เกิดโรคหลังจากกรมธรรม์มีผลบังคับ หรือโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน เป็นต้น อีกด้วย 

เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว ทีนี้ก็สามารถเลือกซื้อกรมธรรม์ที่เหมาะสมและมั่นใจในสิทธิประโยชน์ต่อชีวิตของผู้เอาประกันและครอบครัวหรือผู้อยู่ข้างหลังได้ 

ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)