⚙️ กู้อาการหมดไฟและหมดใจในการทำงาน2 ⚙️
สวัสดีค่ะ วันนี้มาต่อเรื่องอาการหมดไฟในการทำงาน จากคราวที่แล้วกันเลยค่ะ
อย่างไรก็ตามภาวะ Burnout และ Brownout อาจเกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับความร่วมมือจากองค์กร และเพื่อนร่วมงานที่ช่วยผลักดันปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรหรือระบบการทำงาน เปิดใจพูดคุยถึงความต้องการในการทำงาน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อเติมไฟให้มีกำลังใจต่อไป ส่วนพนักงานก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เรามี 4 แนวทางปฏิบัติง่าย ๆ เพื่อรับมือกับภาวะหมดไฟและหมดใจ
📍 1. ตั้งเป้าหมายในการทำงาน
ถ้ารู้สึกว่าขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน หรือทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจจะเลือกตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ แล้วคิดว่าเราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร ถ้าทำสำเร็จจะส่งผลดีอย่างไรบ้างกับตัวเราและองค์กร จะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่น ๆ ก็ได้ เช่น วันนี้จะไม่เข้างานสาย หรือจะเขียนบทความให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง และพยายามให้คุณค่าทุกงานเท่ากัน ไม่เลือกงานที่รักมักที่ชัง สร้างพลังบวกให้กับตัวเอง การทำเป้าหมายเล็ก ๆ สำเร็จ จะช่วยสร้างกำลังใจ และทำให้เรารู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
⛹️ 2. หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ
บางครั้งเราอาจทำงานหนักไปจนละเลยสุขภาพ เข้าใจว่าบางคนอยากให้งานเสร็จไว ๆ จนต้องหอบเอางานมาทำต่อที่บ้าน ไม่ก็ปั่นงานที่ออฟฟิศจนดึก สำหรับคนที่อายุ 20 ปลาย ๆ อาจจะคิดว่าร่างกายแข็งแรง นอนน้อยก็ยังมีแรงทำงาน แต่หากทำบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว จนความเครียดสะสม ควรหาเวลาออกกำลังกายบ้าง ใส่ใจอาหารการกิน และพักผ่อนให้เพียงพอ สามเรื่องนี้เป็นสิ่งพื้นฐานที่ฟังดูเหมือนง่าย แต่บางคนกลับไม่ใส่ใจและหาข้ออ้างว่าไม่มีเวลา การดูแลตัวเองคือการสร้างวินัยที่ดี หากเราทำสำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อชีวิตด้านอื่น ๆ เมื่อความเครียดลดลง ก็คิดงานสร้างสรรค์ได้ไม่จำกัด
🏄 3. ใช้วันลาพักร้อน ออกห่างจากงานซะบ้าง
ถ้ารู้สึกไม่อยากไปทำงานเพราะเบื่อสิ่งแวดล้อมในออฟฟิศ หรือเพื่อนร่วมงาน ควรหาเวลาพักผ่อน อาจเลือกลาพักร้อน ออกไปเจอผู้คนและสถานที่ใหม่ ๆ เราอาจจะได้แรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้น ออกไปเปิดหูเปิดตา ท่องเที่ยวบ้าง ช่วยเติมไฟในการทำงานได้มากทีเดียว เป็นการเยียวยาสุขภาพจิตและร่างกายที่ดี และยังได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการทำงานอีกด้วย เพราะการทำอะไรซ้ำ ๆ เจอคนหน้าเดิม ทำให้ชีวิตหมดความตื่นเต้นและน่าเบื่อ
🤹 4. ให้เวลากับสิ่งที่ไม่ใช่งาน
เมื่อมีเวลาว่างก็อย่าคิดแต่เรื่องงานอย่างเดียว ควรหาเวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ บ้าง เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ทำสวน ช้อปปิ้ง หรือให้เวลากับเพื่อนและครอบครัว นอกจากนี้งานอดิเรกบางอย่างอาจต่อยอดไปสู่รายได้เสริมอีกด้วย เช่น บางคนทำขนมเก่ง ก็ใช้เวลาหลังเลิกงานอบขนมส่งร้านกาแฟ หรือขายของออนไลน์ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ผ่อนคลายและเติมเต็มความสุข ลืมความเครียดจากการทำงาน เพราะเราจะโฟกัสกับสิ่งที่ชอบ ปัญหาหรือความเครียดที่มาจากงานของคุณก็จะดูเบาลงไป
ภาวะหมดไฟ หมดใจในการทำงาน เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากเรามีสติรู้ตัวว่าไฟกำลังจะมอด ควรพยายามแก้ปัญหา ลุกขึ้นมาเติมพลังให้ชีวิตซะบ้าง เพราะความสุขและความทุกข์ขึ้นอยู่กับตัวคุณ เราเลือกสร้างทัศนคติด้านบวกกับงานที่ทำได้ง่าย ๆ สร้างสมดุลให้งานกับชีวิตมีความสุขเท่ากัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
bltbangkok.com,
mangozero.com,
today.line.me,
posttoday.com,
samitivejhospitals.com,
health.kapook.com