รักกัน เงินไม่สำคัญจริงดิ?

adminothers

เงินสำคัญต่อความรักจริงหรือ ? ?

เรามักจะได้ยินประโยคสวย ๆ เกี่ยวกับความรักในทำนองว่า “เงินทองไม่เป็นไร ขอเพียงเข้าใจกันก็พอ” พอไว้เป็นกำลังใจมองหาคนรัก หรือจับมือกับคนรักที่ต่างฐานะกันฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน ท่ามกลางโลกแห่งทุนนิยม โลกที่ยังต้องใช้เงินเป็นสื่อหลักในการแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เงินจริงหรือ? ลองมาทำความเข้าใจตามความเป็นจริงทีละข้อกันดีกว่าค่ะ ?

1. หลายอย่างในโลกนี้มีเงินเป็นตัวแปรสำคัญ ? ถึงแม้ว่าบางอย่างจะเป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ก็อย่าลืมว่าความเป็นอยู่ทุกวันนี้ “หลายอย่าง” ต้องใช้เงินแลกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย, อาหาร, การรักษาโรค, เสื้อผ้า, smartphone, การเดินทาง ฯลฯ จะรักกันเพียงอย่างเดียวโดยไม่ช่วยกันวางแผนอนาคต หรือไม่คิดจะทำมาหากินเลย มันเป็นเรื่องที่เพ้อฝันสิ้นดี รักล่มแน่นอน

2. เรื่องเงินสำคัญต่อการช่วยเหลือกันยามจำเป็น ? เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีการใช้จ่ายเพื่อกันและกัน เพราะอย่างน้อยก็ต้องมีของขวัญเล็กน้อยให้กันบ้าง พาไปเปิดหูเปิดตาตามโอกาสที่สะดวกบ้าง หรือแม้แต่ช่วยสงเคราะห์ในยามที่อีกฝ่ายเดือดร้อนที่สุดบ้าง มันไม่ใช่เรื่องของเม็ดเงิน แต่มันคือเรื่องของ “น้ำใจ” ที่ควรมีให้กันสักนิด ลองคิดในทางกลับกันสิว่า ถ้าเราคบกันโดยเป็นมนุษย์ถ้ำ ไม่แม้แต่จะพาไปกินข้าว กินขนม ซื้อความบันเทิงเริงใจให้กันสักนิดเลย มันก็ค่อนข้างอึดอัดนะ ต้องยอมรับสิว่าเราเป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่สามารถสร้างหรือเสกอะไรได้หมดหรอก

3. เงิน เป็นแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันของคู่รักในที่สุด ? การคบกันสำคัญที่ใจก็จริง แต่จะคบกันรอดหรือไม่รอด ทัศนคติที่มีต่อ “เงิน” ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ บางคู่ที่ต่างฐานะกัน เลิกรากันไปอย่างง่ายดาย นั่นก็เพราะว่า ต่างคนต่างไม่ส่งเสริมกัน เป็นไปได้ว่าฝ่ายที่ด้อยกว่าพยายามตีตัวออกห่างด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือไม่ก็ฝ่ายที่เหนือกว่าไม่ยอมลดตัวลงมาเดินคู่กัน หรือไม่ก็เพราะเห็นแก่เม็ดเงินด้วยกันทั้งคู่จนกลายเป็น “เห็นแก่ตัว” หลายคู่ที่อยู่กันรอด ทั้งที่ต่างฐานะกัน นั่นก็เพราะว่า ต่างคนต่างสนับสนุนและให้กำลังใจกันอยู่เสมอ ช่วยกันคิดวางแผนอนาคตทางการเงินร่วมกัน เดินไปด้วยความเข้าใจกันจนไม่รู้สึกว่าห่างกันมากเกินไป

4. เงิน คือตัวชี้วัดวุฒิภาวะของกันและกัน ? เพราะเงินย่อมมาจากการทำงานที่ต้องใช้สมองและร่างกายไปแลก ฉะนั้น ถ้างานคือตัวที่บ่งบอกสถานะของคนหนึ่งได้ว่ามีภาระหน้าที่อะไรอยู่ เงินก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้ รายรับ-รายจ่ายของคน ๆ หนึ่งสามารถบ่งบอกได้เลยว่าคนคนนั้นมีการวางแผนชีวิตอย่างไร ถ้าอยู่ในระดับดี สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ก็อุ่นใจพอที่จะให้คบหากันได้นาน ๆ แต่ถ้ามือเติบ ใช้เงินจนหนี้สินยุ่งเหยิงไปหมด หลายครั้งต้องมาหยิบยืมเงินเราหรือแอบขโมยเงินเราไป ก็ไม่คุ้มค่าหรอกที่จะฝากชีวิตฝากอนาคตไปด้วยกัน

5. มูลค่าของสินสอดไม่สำคัญเท่ากับความรับผิดชอบชีวิต ? งานแต่งงานก็แค่พิธีหนึ่ง จะมีหรือไม่มีก็ได้ โดยเฉพาะงานแต่งงานแบบไทย เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้แนวคิดเรื่องสินสอดก็หลากหลายมากขึ้น บางบ้านยกให้เป็นเงินตั้งตัว บางบ้านไม่เอาแม้แต่สตางค์เดียว เพราะเห็นแก่ความรักและความพยายามของบ่าวสาวที่มีร่วมกันมาตลอด แต่กระนั้นก็ตาม ไม่ว่างานแต่งงานหมั้นจะมีสินสอดมูลค่าเท่าใด หรือจะไม่จัดงานแต่งเลยก็ไม่สำคัญเท่าความอุตสาหะในการสร้างครอบครัวของบ่าวสาว ชีวิตหลังแต่งงานยังจะต้องเจอกับค่าใช้จ่ายอีกเยอะ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จู่ ๆ จะสร้างครอบครัวกันด้วยความรักแต่เพียงอย่างเดียว การช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผนอนาคตทางการเงินเป็นสิ่งที่จำเป็นมากถึงมากที่สุด เพราะในอนาคตอาจไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองคน คุณยังจะต้องมีลูก ซึ่งค่าใช้จ่ายเพื่อลูกนี้ก็หนักหนาสาหัสพอควรเลยทีเดียว เพราะเรายังอยู่ในโลกของความเป็นจริง

ดังนั้น ความรักเพียงเพียว ๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไปเสียหน่อย จะคบกันได้ยืดยาวหรือไม่ ปัจจัยอื่นย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ถึงจะสำคัญน้อยกว่าใจ ก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญเลย ชีวิตเรายังต้องกินอยู่ดิ้นรนไปอีกยาวไกล รักแบบเข้าใจโลกจึงสำคัญพอกันกับรักแบบเข้าใจกันอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย “well-wisher” ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่รักกันยืนยาว ฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ ในแต่ละวันไปได้ด้วยดีนะจ๊ะ ?