🦫 สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ 🦫

Tavatchai Engothers

🦫 สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ 🦫

คำว่า ขี้เกียจ ดูเป็นคำติดลบของคนทำงาน นั่นเป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ชอบนำคำว่าขี้เกียจไปผูกติดกับคำว่า #อู้ ต่างหาก ซึ่งความจริงแล้ว คนขี้เกียจกับคนอู้งานไม่เหมือนกันสักนิด !

อู้ คือการหนีจากปัญหาตรงหน้า แต่สุดท้ายเวลาก็หมดลง กลายเป็นสิ่งทับถม ทำอะไรไม่ทัน
แต่คนขี้เกียจ จะไม่หลีกหนีปัญหาต่าง ๆ และพยายามทำให้มันเสร็จอย่างรวดเร็วจนเป็นนิสัย เพื่อให้มีชีวิตที่สบาย ๆ อยู่เสมอ และ 4 เหตุผลต่อไปนี้จะทำให้เข้าใจคนขี้เกียจมากขึ้น 🤓

🦔 1.พวกเขาทำตัวเป็นผู้รับฟังที่ดี
คือ ตั้งใจฟังเรื่องที่คู่สนทนาพูดและไม่พูดแทรกเด็ดขาด และไม่พูดข่มกลับไปเหมือนว่ารู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว ทำแบบนี้ฝ่ายตรงข้ามก็จะรู้สึกดี อยากคุยด้วย และอยากช่วยเหลือให้คำแนะนำ ทีนี้คนขี้เกียจจึงสามารถสอบถามข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ได้มาก แล้วนำมาวางแผนพลิกแพลงตามสไตล์คนขี้เกียจได้

🦡 2.การวางแผนทำงานแบบพลิกแพลง
คนขี้เกียจส่วนใหญ่ อยากให้งานเสร็จไว ๆ ดังนั้นเมื่อได้รับมอบหมายงานมา สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือ การวางแผนทำงานโดยหาทางพลิกแพลง มองหาตัวช่วยที่ทำให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เช่น การใช้เทคโนโลยีช่วย การมอบหมายงานให้ผู้อื่นตามศักยภาพของพวกเขา มีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและชอบปรับเปลี่ยนขึ้นตอน เพื่อจะได้มีเวลาไปทำตัวขี้เกียจเพิ่มขึ้น

🦦 3. เพราะคนขี้เกียจรู้ว่าเมื่อไรต้องพัก
คนที่ขยันทำงานอย่างบ้าคลั่ง อยู่ทำงานดึกดื่นทุกวัน ทำงานจนตัวเข้าโรงพยาบาลคนเหล่านี้ไม่ได้เรียกว่า เป็นคนรักงาน แต่เราเรียกพวกเขาว่า คนบริหารเวลาไม่เป็น

🦇 4. คนขี้เกียจรู้เป้าหมายในการลงมือทำ
เพราะพวกเขาไม่อยากเสียเวลาอย่างไร้ประโยชน์ในการทำอะไรที่เหนื่อยเปล่าซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน พวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่จุดหมายแห่งความสำเร็จ โดยไม่ให้สิ่งใดมารบกวนเส้นทาง เรียกง่าย ๆ ว่าพวกเขาสามารถตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าโดยไม่วอกแวก แถมยังพยายามหาทางลัดเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายไว ๆ อีกด้วย

เครดิต : นะโอะยุกิ ฮนดะ